วิธีทำโฆษณาใน Gmail แบบง่ายๆ งบไม่เยอะ (Step-by-step)

โฆษณาต่างๆ นาๆ ผมทำมาก็เยอะนะครับ แต่โฆษณาที่ได้ผลที่สุดจะเป็นโฆษณาที่สามารถเจาะคนที่จริงจังที่สุดครับ

ถ้าเรายิงโฆษณาไปให้คนที่ไม่จริงจัง อาจจะแค่เห็นผ่านๆ ตา อะไรพวกนี้ โอกาสที่จะเปลี่ยนคนพวกนั้นมาเป็นลูกค้าของเรา ถือว่าน้อยมากๆ ครับ

ยกตัวอย่างง่ายๆ ป้ายโฆษณาใหญ่ๆ ตามถนนเส้นหลัก เขาเช่าป้ายเสียตังหลักแสนถึงล้านต่อเดือนนะครับ เพื่อที่จะทำให้แบรนด์ของเขาติดตาของคนที่ผ่านไปผ่านมาครับ

โฆษณา Billboard โรงพยาบาลนครธน

แต่ถ้าจะหวังให้คนเห็นแล้วโทรหาเขาหรือซื้อของเขาตรงนั้นเลย เป็นไปได้ยากมากๆ ครับ เพราะคนส่วนใหญ่อย่างที่ผมบอกครับว่าไม่ได้ “จริงจัง” เขาต้องการจะขับรถไปที่ไหนสักทีหนึ่ง ไม่ได้ตั้งใจจะมาซื้อของ

โฆษณาพวกนี้เลยเจาะจงไปที่การเข้าถึงคนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่าครับ ไม่ได้อยากจะขายของหรือบริการอะไรอย่างใดครับ

ปล. นิดหนึ่งครับ พอดีผมหาข้อมูลแล้วเจอป้ายตัวนี้พอดีครับ

ตัวหนังสือเยอะไปหน่อย

ถ้าขึ้นมาแบบนี้ ถือว่าแย่นะครับ เพราะว่าคนขับไปขับมา ใครจะไปอ่านทันครับ เขาขับผ่านไปใช้เวลาไม่ถึง 3 วินาที อันนี้จัดเต็มทั้งไลน์ อีเมลล์ เบอร์มือถือ ใครจะไปจดทันครับ

ขนาดรูปดูผ่านๆ ยังไม่รู้เลยว่ามันเกี่ยวกับอะไร คนทำป้ายน่าจะช่วยแนะนำลูกค้าหน่อยนะครับ เพราะเขาก็น่าจะลงทุนไปเยอะเหมือนกัน เสียดายแทนครับ

ในที่นี้มันก็จะเข้าถึงประเด็นที่ผมอยากจะพูดถึงครับ นั้นก็คือโฆษณาใน Gmail ครับ อย่างที่ผมบอกไปครับว่าโฆษณามันต้องเจาะคนที่จริงจังครับ ถึงจะได้ผลลัพธ์สูงสุด

โฆษณาใน Gmail ไม่ค่อยมีใครพูดถึง จะดีจริงหรือ….?

อย่างที่ผมบอกไปครับ ว่าคนยิ่งจริงจังตอนที่ดูโฆษณาของคุณ ยิ่งจะทำให้เขาอยู่ในอารมย์ที่พร้อมที่จะคิด พิจารณาครับ

คนเข้าไปในอีเมลล์เพื่ออะไรครับ? ส่วนใหญ่จะเข้าไปเพื่อเช็คเรื่องงานจริงไหมครับ? คงมีไม่กี่คนที่ใช้อีเมลล์เพื่อคุยกับแฟนครับ

โฆษณาใน Gmail (ตัวอย่าง)

เพราะฉะนั้นตอนที่เขาเห็นโฆษณาของเรา ถ้าสินค้าของเราโดนใจหรือเขาอยากจะซื้อพอดี โอกาสที่เราจะสามารถเปลี่ยนเขาให้กลายมาเป็นลูกค้าของเราได้นั้นสูงมากครับ

แต่คนไทยผมยังไม่ค่อยเห็นใครพูดถึงโฆษณาใน Gmail มากนักนะครับ อาจจะเป็นเพราะว่าคนนิยมทำกันในโซเชี่ยวมีเดียเสียมากกว่าที่จะทำใน Gmail แล้วครับ

ถ้าหลายๆ คน ยังไม่ค่อยมั่นใจว่าโฆษณาใน Gmail หน้าตามันเป็นยังไง ผมถ่ายเอามาให้ดูเรียบร้อยครับ

หน้าตาโฆษณา Gmail

เห็นโฆษณาของ AIS ใช่ไหมครับ? พอดีช่วงนี้ผมมองหาโทรศัพท์ใหม่พอดี โทรศัพท์ของผมเริ่มเก่าและไม่ค่อยโอเคละ

ผมก็เลยเข้าเว็บหลายๆ เว็บและดูรีวิวในยูทูปครับ เขาเลยเห็นว่าผมสนใจที่จะซื้อโทรศัพท์ใหม่ AIS เลยเจาะมาโดนผมครับ

พอจะเห็นวิธีการทำงานของมันคร่าวๆ ไหมครับ? ไม่ได้มีอะไรมากเลยครับ การทำงานไม่ค่อยซับซ้อนเท่าไหร่ ทำให้หลายๆ คนที่อยากจะเริ่มไม่ต้องคิดอะไรมากครับ ทำไม่ยากด้วยครับ

แต่ถ้าจะทำให้ได้ผล อันนี้ผมจะมาบอกอีกทีในบทความนี้ครับ ค่อยๆ อ่านไปนะครับ ค่อยๆ เข้าใจไปด้วยกันครับผม

โฆษณาใน Gmail เหมาะสำหรับธุรกิจของเราไหมนะ?

อย่างที่ผมเคยพูดไปในหลายๆ บทความที่ผ่านมาว่า ไม่ว่าจะโฆษณาที่ไหน มันไม่มีหรอกครับที่มันจะสมบูรณ์แบบและเหมาะกับทุกๆ ธุรกิจ

ใน Gmail ก็เหมือนกันครับ มันจะเหมาะกับทุกๆ ธุรกิจไม่ได้ครับ วิธีการที่เราจะมาดูกันว่ามันเหมาะกับธุรกิจแบบไหนบ้าง

เราต้องมาดูก่อนครับว่าคนที่ใช้ Gmail ส่วนใหญ่เขาเป็นคนแบบไหนกัน

www.statista.com

ถ้าเราดูกราฟนี้ มาจนถึงปี 2018 ใน Gmail มีคนใช้เยอะขึ้นมากเลยนะครับ จนมาอยู่ที่ประมาณ 1.5 พันล้านบัญชี

แต่อันนี้ต้องเข้าใจก่อนว่าคน 1 คน อาจจะมีหลายบัญชีได้และมีบัญชีปลอมอีกเยอะครับ เพราะฉะนั้นตัดไปเลย 50% ครับ (ส่วนตัวผมมีมากกว่า 10 เลยครับ เอาไว้สมัครข่าวสารบ้าง สมัครบัญชีที่ไม่อยากจะให้มันส่งอีเมลล์มาให้เรื่อยๆ 555)

สถิติคนใช้ Gmail/Yahoo mail

เพราะฉะนั้นผมคิดว่าตัวเลขจริงๆ น่าจะมีประมาณ​ 750,000,000 ล้าน และถ้าเป็นคนไทยจริงๆ ผมเดาว่าไม่น่าจะเกิน 25 ล้านบัญชีครับ

จะเห็นนะครับว่าคนอายุน้อยๆ ส่วนมากจะใช้ Gmail กัน แต่บ้านเราไม่ค่อยนิยมใช้ Yahoo ครับ ผมคิดว่าน่าจะต้องเปลี่ยนเป็นพวก hotmail อะไรแบบนี้มากกว่าถึงจะเข้ากับบ้านเราได้ครับ

เพราะฉะนั้นผมยังคิดว่าสถิตินี้น่าดูอยู่ครับ เพราะว่าการใช้อินเตอร์เน็ตของบ้านเรากับต่างประเทศไม่ค่อยต่างกันมากครับ จะต่างก็คือเว็บที่เราเข้ากับ App ที่เราใช้ครับ และวิธีการใช้นิดหน่อยครับ

ที่ผมเอาสถิติมาให้ดูเพราะว่าการทำโฆษณา เราไม่สามารถคิดไปเองได้ครับ เราต้องหาสถิติ ต้องหาตัวเลขมาประกอบและวิเคราะห์ครับ

การตัดสินใจในการทำโฆษณาแต่ละครั้ง เราเลยต้องอาศัยการตัดสินใจที่มาจากการศึกษาข้อมูลที่ถ่องแท้ ไม่ใช่คิดไปเองครับ เพราะแต่ละครั้งที่เรายิงโฆษณา มันต้องเสียเงินเยอะครับ

ข้อมูลต่อมาที่เกี่ยวกับประเภทของคนที่ใช้ Gmail ผมอ้างอิงข้อมูลจากเว็บที่ชื่อว่า Litmus มานะครับ เกี่ยวกับอุปกรณ์ที่คนใช้เพื่อเข้าไปใช้ Gmail ครับ

  • ประมาณ​ 65.66% ใช้มือถือเพื่อเข้า Gmail ครับ (ส่วนมากจะเป็นไอโฟน)
  • 19.55% ใช้เว็บเสริมเพื่อเชื่อมต่อกับ Gmail อีกที
  • 14.76% เข้าในเว็บ Gmail ตรงๆ ไปเลย

อันนี้มันเข้ากับที่ผมเคยบอกไปนะครับว่าคนยิ่งจริงจังมากแค่ไหน ก็จะสามารถเปลี่ยนให้เขาเป็นลูกค้าของเราได้ง่ายแค่นั้นครับ

คนที่จริงจังส่วนใหญ่จะใช้คอมกันนะครับ เพราะว่าถ้าใช้คอม เขาต้องอยู่กับที่ครับ ถ้าเป็นมือถือเขาอาจจะนั่งรถอยู่หรือเขี่ยมือถือเพื่อแก้เบื่ออะไรก็ได้ครับ แต่ถ้านั่งหน้าคอม เขาจะต้องจริงจังกว่าอยู่แล้วครับ

เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามเจาะพวก 14.76% ครับ แต่ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขสากล ยังไม่ได้ปรับให้เป็นตัวเลขของไทย ซึ่งมันยังไม่มีใครทำสถิติพวกนี้เกี่ยวกับผู้ใช้ Gmail ในประเทศของเราครับ

เราเลยต้องมาเดาจากสถิตินี้อีกนิดหนึ่งครับ ส่วนตัวผมคิดว่าคนไทยเราน่าจะเข้าในเว็บ Gmail ไปเลย ไม่มีเว็บเสริมเข้าไปเชื่อมอีกทีครับ

จากที่ดูๆ มาบวกกับประสบการณ์ที่ผมทำโฆษณาใน Gmail มาก่อน ผมคาดว่าธุรกิจที่สามารถทำใน Gmail แล้วได้ผล ส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับงานล้วนๆ ครับ

ยกตัวอย่างเช่น Officemate ครับ

หน้าเพจ OfficeMate

เขาขายของเกี่ยวกับออฟฟิศอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นตอนที่เขาโฆษณามาใน Gmail มันก็ต้องเจอคนที่เขาอาจจะยังขาดอะไรในออฟฟิศเขาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นอะไรเล็กๆ น้อยๆ อย่างปากกาไปจนถึงโต๊ะ เก้าอี้ครับ

เพราะฉะนั้นธุรกิจแบบนี้ที่ขายของให้กับคนที่ทำงานอยู่แล้วจะได้ผลดีครับ

ธุรกิจเกี่ยวกับ software ที่ช่วยในการทำงาน

Microsoft Office ครบชุด

คนที่ทำงานหลายๆ คนก็ต้องทำพวกเอกสารอะไรอยู่แล้วนะครับ ส่วนตัวผมเองเจอโฆษณาพวกนี้บ่อยมากครับ โดยเฉพาะชุดโปรแกรม Microsoft Office พวกนี้ครับ

โฆษณาที่เกี่ยวกับเว็บไซต์ทั้งหลาย เช่น ขาย Domain name หรือเว็บ Hosting พวกนี้จะได้ผลเยี่ยมเลยครับ

Namecheap

อันนี้ผมลองเอามาให้ดูคร่าวๆ นะครับว่ามีอะไรบ้าง แต่หลักๆ แล้ว เพื่อนๆ พอจะเห็นภาพใช่ไหมครับว่ามันควรจะเป็นธุรกิจแนวไหน?

ไม่มีอะไรมากครับ ส่วนใหญ่ก็เป็นธุรกิจที่เอื้อต่อการทำงานล้วนๆ เลยครับ ถ้าเพื่อนๆ ทำธุรกิจแนวนี้กันอยู่แล้ว อ่านต่อนะครับ ผมจะได้ช่วยแนะนำการใช้และวิธีการทำโฆษณาครับ

รับรองว่าอ่านเสร็จ ทำตาม สามารถเริ่มทำโฆษณา Gmail ได้สุดยอดแน่ครับ

แนวความคิดโฆษณาใน Gmail ให้มันเจ๋งๆ

ก่อนอื่นเลยนะครับ ก่อนที่จะทำโฆษณา ผมจะย้ำเสมอว่าเราต้องมีแนวทางความคิดที่ตรงก่อนครับ ถึงจะสามารถทำโฆษณาในที่นั้นๆ ได้ดีครับ

ในแต่ละ platform ส่วนใหญ่แล้ววิธีการทำโฆษณาจะแตกต่างกันออกไปครับ อันนี้มันขึ้นอยู่กับกลุ่มผู้ใช้ของเขาอีกทีครับ

ยกตัวอยากให้เห็นภาพเลย เช่น ถ้าเราอยากจะโฆษณาใน Line เพื่อนๆ ลองดูระหว่างโฆษณา 2 แบบนี้นะครับ

Line Timeline Ad

นี้คือโฆษณาใน Timeline ซึ่งลักษณะของมันก็คือจะเป็นโฆษณาที่แทรกเข้ามาในระหว่างโพสต์ที่มาจาก contacts ของเราในบัญชีครับ

อารมย์ก็เหมือน Facebook timeline หรือ timeline อื่นๆ ทั่วๆ ไปนะครับ ไม่มีอะไรแตกต่างกันมากครับ

แล้วทีนี้มาดูโฆษณาใน Line เหมือนกัน แต่เป็นในอีกรูปแบบหนึ่งครับ

โฆษณาแทรกข่าวในไลน์

นี้เป็นโฆษณาใน Line เหมือนกัน แต่เป็นโฆษณาใน Line Today ที่เขาจะมีแต่ข่าวเท่านั้นครับ

ความแตกต่างดูๆ แล้วไม่ได้มีอะไรมาก เพราะว่าอยู่ใน Line เหมือนกันจริงไหมครับ? แต่ตอนนี้ผมจะมาพูดถึงสิ่งสำคัญที่ทำให้ 2 ตัวนี้ไม่เหมือนกันครับ

  • อารมย์ของคนที่ใช้ Timeline และ Line Today ไม่เหมือนกันครับ
  • ความคาดหวังว่าจะได้เสพ content อะไร ไม่เหมือนกัน

2 เหตุผลนี้เป็นตัวแปลที่สำคัญมากนะครับ เพราะว่าคนที่เข้าไปใน Timeline เขาคาดหวังว่าจะเห็นอัพเดทอะไรจากเพื่อนๆ ของเขาครับ

เพราะฉะนั้นโฆษณาของเราจะต้องกะเอาไว้เลยว่าโฆษณาของเราจะต้องทำความรำคาญให้กับเขาสักหน่อยครับ

แต่ในที่นี้มันแตกต่างจาก Facebook นะครับ เพราะโฆษณาของเขาส่วนใหญ่จะกลืนกินไปกับตัวดีไซน์ของเพจ ดูผ่านๆ นึกว่าเป็นโพสต์ของเพื่อนหรือเพจที่เราติดตามครับ ดังนั้นมันเทียบกันไม่ได้นะครับ

อย่างที่ 2 ก็คือใน Line Today คนส่วนใหญ่ที่เข้าไป เขามีความคาดหวังว่าจะอ่านข่าว ดังนั้นเขาเลยไม่ได้ตั้งความหวังว่าอยากจะเห็นหรือเจออะไรเป็นพิเศษ เพราะข่าวในแต่ละวันส่วนใหญ่ก็ไม่เหมือนกัน 100% ครับ

เพราะฉะนั้นตรงนี้เราสามารถใช้โฆษณาที่มันเจาะคนกว้างๆ ได้ครับ

เรามาดูโฆษณาอีกแบบหนึ่งกันนะครับที่ผมเองก็ทดสอบมาใช้เวลาสักพักแล้วเหมือนกันครับ นั้นก็คือโฆษณาใน Youtube

โฆษณาใน Youtube

โฆษณาใน Youtube มีความแตกต่างจากโฆษณาใน platform อื่นมากนะครับ เพราะว่าโฆษณาใน Youtube มันมีความน่ารำคาญสูงมากครับ

ยกตัวอย่างเช่นเพื่อนๆ อยากจะเข้าไปดูวิดีโอหรือฟังเพลงเพราะๆ อยู่ๆ ฟังได้ครึ่งหนึ่งมีโฆษณาขึ้นมาเลย บางทีเราเปิดเพลงทิ้งเอาไว้แล้วทำอย่างอื่นไปด้วย ต้องเดินมากดข้ามโฆษณา

โฆษณาแบบนี้มันทำให้เรารำคาญมากครับ ผมเลยสังเกตเห็นว่าโอกาสที่จะทำโฆษณาให้ประสบความสำเร็จใน Youtube นี้มีน้อยมากครับ

ถ้าถามผมว่า “อ่าว แล้วไม่เหมือนโฆษณาใน TV เหรอ มันก็มาขั้นการดูของเราเหมือนกัน” บอกได้เลยครับว่าไม่เหมือนครับ เพราะใน TV เรารู้ว่ามันจะมาเมื่อไหร่ครับ มันไม่ได้อยู่ขึ้นมาขั้นเลย พอจะนึกภาพออกไหมครับ?

ดังนั้นคนที่จะทำโฆษณาใน Youtube เลยต้องเลือกให้ดีครับว่าควรจะทำโฆษณาในตอนไหนของวิดีโอและทำโฆษณายังไง ที่มันจะไม่ทำให้มันดูน่ารำคาญเกินไป

เพราะว่าถ้าคนยิ่งรำคาญ เขายิ่งจะไม่อยากซื้อของจากเราครับ

ตรงนี้ในส่วนของ Gmail ถ้าเรามาดูที่ผมกำลังพูดถึงไปในเรื่องของการทำให้กลุ่มเป้าหมายของเรารำคาญ

โฆษณาใน Gmail จะไม่มีนะครับ เพราะมันจะขึ้นมาแค่นี้ครับ

หน้าตาโฆษณา Gmail

ถ้าเรามองผ่านๆ เร็วๆ เราคงจะคิดว่าเป็นส่วนหนึ่งของ inbox เราเลยก็ได้ครับ โฆษณาที่ทำให้คล้ายๆ กับเนื้อหาและดีไซน์พวกนี้ เราเรียกว่า native ad ครับ มันจะกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันครับ

เพราะฉะนั้นการทำโฆษณาใน Gmail นั้น เราไม่มีอะไรมากครับ มันจะไปหนักที่การเขียนโฆษณาและการสร้างกลุ่มเป้าหมายมากกว่าครับ แต่ตรงนี้เรามาคุยกันในบทความนี้ต่อไปนะครับ

ตอนนี้พอจะเห็นภาพแล้วใช่ไหมครับว่าการทำโฆษณาใน Gmail มันเป็นยังไง? ถ้าโอเคแล้ว เรามาต่อกันที่ตัวต่อไปกันเลยครับ

วิธีทำโฆษณาใน Gmail แบบทำไปด้วยกัน ง่ายๆ (Step-by-step)

เอาละครับ เราเรียนรู้เกี่ยวกับโฆษณาใน Gmail กันมาเยอะแล้วนะครับในบทความนี้ ที่ผมต้องอธิบายเยอะเพราะว่าอยากจะให้เข้าใจกระบวนการและแนวทางคิดก่อนครับ

ถ้าไม่อย่างนั้น จะทำโฆษณาออกมาให้มันได้ผลนั้นลำบากครับ เพราะถ้าเราไม่รู้ว่าคนที่เราจะยิงโฆษณาให้ เขาชอบอะไร มันก็เหมือนเราปิดตายิงปืน เข้าเป้าป้างไม่เข้าบ้างหรืออาจจะไม่เข้าเลย

อันดับแรกตอนจะทำโฆษณาใน Gmail ได้ เราต้องมีบัญชี Gmail ก่อนนะครับ ถ้าใครยังไม่มี ไปสมัครเลยนะครับ

เริ่มสร้างบัญชี Gmail

Gmail สมัครไม่ยากครับ กรอกข้อมูลไม่กี่อย่างก็สามารถสร้างบัญชีได้แล้วครับ หลังจากนั้นเราจะสามารถใช้บัญชีนี้มาเพื่อทำโฆษณาได้เลยครับ

ถ้าใครมีบัญชีแล้ว เข้าไปที่ ads.google.com ได้เลยครับ

ads.google.com

มุมบนขวามือลงชื่อเข้าใช้ได้เลยครับ ขั้นตอนนี้คงไม่ต้องบอกแล้วนะครับว่าทำยังไง ตอนนี้เราจะมาอยู่หน้านี้กันครับ

หน้า Dashboard

ตอนนี้จะเห็นว่าเราเข้ามาที่หน้า dashboard ของโฆษณา Google เรียบร้อยครับ ผมจะใช้บัญชีใหม่เพื่อจะให้ทุกคนเห็นเหมือนๆ กันครับ เพราะว่ามันจะโล่งๆ ครับ

กดสร้างโฆษณา

หลังจากนั้นคลิกคำว่า “New Campaign” หรือถ้าเพื่อนๆ หลายๆ คนใช้การตั้งค่าเป็นภาษาไทย มันก็จะเป็น “สร้างโฆษณาใหม่” ถ้าผมจำไม่ผิดนะครับ

หลังจากคลิกไปแล้ว เราจะมาอยู่หน้านี้กันครับ

สร้างโฆษณาเอง ไม่ง้อ Gmail default settings

ให้เลือกตัวสุดท้ายนี้นะครับ มันจะเป็นตัวเลือกที่บอกว่าเราจะตั้งเอง ไม่ต้องให้ Google ช่วยเราเลือกครับ

ถ้าเราจะเลือกตามที่ Google ช่วยตั้งไว้ก็ได้นะครับ สิ่งที่เขาจะทำก็คือเขาจะช่วยเราเลือกการตั้งค่าอัตโนมัติมาให้เราครับ

ยกตัวอย่างเช่นถ้าเพื่อนๆ เลือก sales หรือเน้นยอดขาย มันจะตั้งค่าอัตโนมัติมาเพื่อให้เหมาะกับการเรียกยอดขายครับ

ส่วนตัวผมแล้ว ผมมองว่ามันยังไม่โอเคเท่าไหร่ครับและผมคิดว่ามันยังไม่เหมาะกับคนที่เริ่มต้นใหม่หลายๆ คน เพราะว่าคนที่เริ่มต้นใหม่ควรจะเข้าใจระบบและการตั้งค่าด้วยตัวเองก่อนครับ

ดังนั้นผมเลยแนะนำให้เลือกตัวสุดท้ายแล้วมาเรียนรู้ตัวตั้งค่าไปด้วยกันครับ แบบนี้ถ้าวันหลังอยากจะลองตั้งอะไรเอง ก็สามารถทำได้ครับ ไม่ต้องไปพึ่งระบบอัตโนมัติมากเกินไปครับ

เลือกโฆษณาแบบ Display

ต่อไปเลือกตัวที่ 2 นี้ครับ ตัวนี้จะเป็นการโฆษณาแบบ Display ที่จะเอาไปลงใน Youtube และเว็บไซต์ที่เป็นเครือข่ายเดียวกับ Google

แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ ในขั้นตอนต่อไปเราจะเลือกให้มันแสดงผลแต่ใน Gmail ครับ มันจะได้ไม่ต้องไปยิงโฆษณาที่อื่นครับ

เลือก Gmail Campaign

ตรงนี้เราก็เลือกแค่ Gmail campaign เท่านั้นครับ มันก็จะไปแสดงโฆษณาแต่ใน Gmail ครับ

ก่อนที่เราจะไปต่อ เราก็มาใส่เว็บไซต์ที่เราอยากจะทำโฆษณาให้เข้าไปตรงช่องนี้ได้เลยครับผม

ใส่ที่อยู่เว็บไซต์เข้าไป

ตอนนี้ก็มาถึงเวลาสร้างโฆษณากันแล้วครับ

เริ่มสร้างโฆษณา

ตอนนี้เรามาดูการตั้งค่าตัวแรกกันที่เพื่อนๆ ควรจะเข้าใจครับ โดยเฉพาะเพื่อนๆที่ยังใหม่กับการทำโฆษณาอยู่ ตรงนี้ผมจะค่อยๆ อธิบายให้ทีละตัวนะครับ

ปรับ Location, Languages และ Bidding

ในขั้นตอนนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ จะมีการเลือกประเทศที่อยากจะเจาะจงและภาษาที่อยากจะเจาะ อันนี้ผมคิดว่าน่าจะเข้าใจกันแล้วนะครับ ไม่ต้องอธิบายอะไรมากครับ

ในส่วนของพวก Bidding ครับ

  • อยากจะเจาะจงอะไร? ตรงนี้ให้ปล่อยตั้งอัตโนมัติไปเลยครับ เพราะว่าถ้าจะมาอธิบาย อาจจะต้องใช้เวลาหน่อยครับและผมคิดว่าคนที่เริ่มใหม่ไม่จำเป็นต้องเข้าใจตรงนี้ครับ
  • อยากจะได้ยอดขายยังไง? อันนี้มันจะถามว่าอยากที่จะจ่ายตังประมาณเท่าไหร่ต่อ 1 ยอดขาย​ (หรือเป้าที่ตั้งเอาไว้) เช่น ถ้าเพื่อนๆ ไม่อยากจะให้มันเกิน 20 บาทต่อ 1 ยอดขาย ก็ต้องตั้งเข้าไปตรงนี้ครับ แต่ส่วนตัวผมแล้ว ผมจะปล่อยทิ้งไว้เลยครับ

ตอนนี้มาถึงขั้นตอนที่ยากและต้องทำความเข้าใจกันหน่อยนะครับสำหรับมือใหม่ๆ อย่างหลายๆ คนที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ครับ

ปรับรายละเอียดเพิ่มเติม

Budget — อันนี้ผมคิดว่าไม่น่าจะต้องอธิบายมากครับ เพราะงบประมาณแต่ละคนไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ จัดไปเลยครับ เท่าไหร่ก็ได้ครับ แล้วแต่เลยครับ

Ad rotation — อันนี้สำหรับคนที่ใช้โฆษณาหลายๆ ตัวเพื่อเอามาแข่งกันนะครับ Google จะแสดงโฆษณาที่ได้ผลที่สุดให้บ่อยที่สุดครับ ตัวที่ไม่ได้ผลก็จะชลอลงและไม่ทำงานเลยครับ

Ad schedule — ตัวนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ แค่ตั้งเวลาโฆษณาทำงานเฉยๆ ครับ หลายๆ คนสามารถปล่อยทิ้งไว้ได้เลยครับ แต่ถ้าเกิดว่าบริษัทมีเวลาทำงานและไม่อยากให้ลูกค้าทักมาตอนที่ไม่สะดวกตอบ ก็จัดตารางได้เลยครับ

Devices — ตัวนี้คืออุปกรณ์ที่เราอยากจะเจาะจงครับ เช่น โทรศัพท์ (รุ่นอะไร แบบไหน) คอม แท็ปเลท อะไรพวกนี้ครับ

ตัวอื่นผมมองว่ามันไม่ได้จำเป็นเท่าไหร่ ผมขออนุญาติข้ามนะครับ เพราะสามารถปล่อยทิ้งไว้ได้ครับ ไม่ต้องไปแตะต้องมันครับ

ตอนนี้เรามาถึงขั้นตอนที่สำคัญและยากที่สุดในการทำโฆษณา Google ad หรือโฆษณา Gmail เลยครับ

นั้นก็คือการทำกลุ่มเป้าหมายครับ

Ad Group และ กลุ่มเป้าหมาย

จริงๆ การทำ keywords ให้กับโฆษณา Google นั้นค่อนข้างที่จะมีรายละเอียดซับซ้อนมากครับ มากกว่าใน Facebook เยอะครับ

เพราะฉะนั้นตัวนี้ผมอาจจะต้องแยกเป็นอีกบทความเลยครับเพราะว่าถ้าเอามาไว้ในบทความนี้ ผมกลัวว่ามันจะยาวเกินไปครับ

ผมคิดว่าทำกลุ่มเป้าหมายใน Google ad นี้ สามารถเขียนเป็นหนังสือทั้งเล่มได้เลยนะครับ และผมคิดว่ายังไม่หมดด้วยครับ เพราะว่า keywords มันมีอุปกรณ์เสริมที่จะสามารถเอาช่วยได้อีกเพียบเลยครับ

เรามาข้ามกันไปก่อนครับ บทความหน้าผมจะรีบทำขึ้นมาแล้วลิ้งกับบทความนี้ให้ผมสมบูรณ์ครับ สัญญาครับ 555

สร้างตัวโฆษณา

ตอนนี้เราเลื่อนลงมาอีกหน่อย มันจะเป็นการกดทำโฆษณาครับ เราสามารถกดเข้าไปได้เลยนะครับ

เลือกโฆษณา Gmail

เราสามารถเลือกสร้างโฆษณาให้กับ Gmail ad ได้เลยครับ มันจะไม่ไปปนกับอันอื่นครับ

หน้าตา + โล่งๆ

ตอนนี้ผมก็แอบไปกรอกรายละเอียดโฆษณาข้างในมานิดหน่อยครับ ลองให้เพื่อนๆ ได้ดูว่าถ้าทำโฆษณามาจริงๆ แล้วมันจะออกมาเป็นยังไงครับ

โฆษณา + เนื้อหา

อันนี้ผมใส่อะไรไปมั่วๆ เฉยๆ นะครับ ถ้าทำจริงๆ คงจะต้องดีกว่านี้ครับ 555 อันนี้ใส่มาให้เพื่อนๆ ดูก่อนครับ มันจะได้เห็นภาพจริงๆ ครับ

แค่นี้ก็ทำโฆษณาเสร็จแล้วครับ หลังจากนั้นก็ไปกดที่ create campaign หรือสร้างโฆษณาได้เลยครับ

สิ่งที่ควรระวังในการทำโฆษณาใน Gmail (เสียเงินเปล่าๆ)

Google Ad เขาอยากที่จะจับคนทำโฆษณาทุกระดับนะครับ เขาเลยพยายามทำการทำโฆษณาของเขาให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ

คล้ายๆกับเฟสบุ๊คที่พยายามจะจับพ่อค้าแม่ค้าทุกระดับ เขาเลยทำให้โฆษณาของเขากดแค่ 2–3 คลิกก็ทำโฆษณาได้แล้ว

ปัญหาของ Google Ad คือ มันมีหลายๆ ตัวที่เขาตั้งมาให้เป็นค่าทำโฆษณาเริ่มต้นมาให้ครับ (ค่า default)

ยกตัวอย่างเลยก็จะเป็นการตั้งค่าแบบ “automated targeting” หรือการให้ Google หากลุ่มเป้าหมายให้เองโดยอัตโนมัติครับ

Automated targeting

อันนี้เราต้องตั้งให้เป็น “no automated targeting” ไว้ก่อนนะครับ แล้วเราค่อยมาตั้งกลุ่มเป้าหมายเองครับ

ถึงแม้ AI ของเขาจะฉลาดยังไง ผมก็ยังแนะนำให้ตอนช่วงแรกเราทำกลุ่มเป้าหมายเองเสียก่อนครับ เรียนรู้จากบทความของผมเนี่ยแหละครับ

ตัว Automated targeting มันจะดีกับคนที่ทำโฆษณาใน Google Ad ไม่เป็นเลยสักนิดและไม่รู้ว่าจะไปเรียนที่ไหนหรือไม่อยากจะเรียนรู้ครับ

เพราะฉะนั้นไหนๆ ก็มาอ่านบทความของผมแล้ว ผมแนะนำว่าให้เพื่อนๆ อ่านและทำตามคำแนะนำของผมในบทความนี้ดีกว่านะครับ

ในบทความนี้ ผมแค่อยากจะให้เพื่อนๆ ทำโฆษณาแล้วได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับมาครับ ไม่อยากจะให้ทำไปแล้วเสียเงินเปล่าๆ

เข้าใจเรียบร้อย เอาไปทำตามได้เลย!

เราจะเห็นนะครับว่าการทำโฆษณาใน Gmail แล้วจริงๆ มันไม่ได้ยากเลยครับและบอกตรงๆ เลยว่าคู่แข่งค่อนข้างน้อยครับ เพราะว่ายังไม่ค่อยมีคู่แข่งลงมาทำโฆษณาใน Gmail จริงๆ จังๆ สักเท่าไหร่ครับ

ขนาดตัวของผมเอง นานๆ ไหนจะสามารถหาธุรกิจของลูกค้าที่เหมาะสมกับการทำโฆษณาใน Gmail จริงๆ จังๆ ครับ

เพราะตัวผมเองถ้าไม่มั่นใจอย่างน้อยๆ 90% ก็คงไม่กล้าแนะนำลูกค้าให้ทำครับ เพราะผมใช้เงินเขาประหยัดเหมือนเงินของผมเองครับ ผมเสียดายตัง 555

เพื่อนๆ ก็เหมือนกันนะครับ ตอนที่ทำโฆษณา อย่างน้อยๆ ต้องพยายามตั้งโฆษณาให้มันรัดกุมพอสมควรก่อนที่จะเริ่มรันโฆษณาครับ ไม่อย่างนั้นจะเสียเงินเปล่าๆ (ผมเสียดายเงินแทน)

สำหรับบทความนี้ผมหวังว่าจะเป็นประโยชน์และเพื่อนๆ นำเอาไปใช้ต่อยอดได้นะครับ ถ้ามีคำถามอะไรหรือตรงไหนผมอธิบายไม่ค่อยเข้าใจ สามารถถามผมได้ตลอดครับ

เพราะตัวผมเองบางทีก็ไม่มั่นใจว่าตรงไหนมันตกหล่นบ้าง ยังไงขอให้ขายของเฮงๆ และรวยๆ ขึ้นครับผม

Joe Jitnarin

Co-founder at ZOZAV
ผู้ร่วมก่อตั้ง www.zozav.com และบริษัท Global Digital Ad, Co. Ltd. ขณะนี้เป็นที่ปรึกษาให้กับแบรนด์ยักษ์ใหญ่ในไทยกว่า 14 บริษัท และสร้างรายได้ให้กับธุรกิจ SME ในไทยมากกว่า ฿127.2 ล้านบาท โดยใช้โฆษณา Facebook และ Google
การทำโฆษณา Adwords ให้ได้ผลจริง

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Previous reading
วิธีหาคีเวิร์ดทำโฆษณา Google Ad แบบจัดเต็ม!
Next reading
ใช้ Facebook Messenger ยังไงให้มันโดน (คำแนะนำส่วนตัว)