ใช้ Facebook Messenger ยังไงให้มันโดน (คำแนะนำส่วนตัว)
หลายๆ คนผมมั่นใจว่าเคยใช้ Line@ (ตอนนี้ชื่อ Line Official อะไรสักอย่าง ฮ่าๆ เพื่อความง่าย ผมขอเรียก Line@ ต่อไปนะครับ) เอาไปทำ broadcast ใช่ไหมครับ?
จริงๆ ใน Facebook ก็ทำได้นะครับ แต่เฟสบุ๊คดันมาทำช้าไป จนตอนนี้คนชินการทำใน Line@ ซะมากกว่า จนคนส่วนมาก ไม่ชินการทำอะไรใน Facebook Messenger เพื่อจะใช้ดึงลูกค้าเลย จริงไหมครับ?
ในโพสต์นี้ ผมคิดว่าคนอ่านน่าจะไม่เยอะเท่าไหร่ครับ เพราะมันเป็นหัวข้อที่ไม่ได้โดนคนส่วนมากครับ แต่ผมเชื่อว่าคนส่วนน้อยที่ได้อ่านโพสต์นี้ของผม จะสามารถได้ประโยชน์กับมันแน่นอนครับ
งั้นเรามาเริ่มกันเลยครับ
Facebook Messenger สำหรับคนมือใหม่ มันเป็นยังไงหนอ…
ถ้าใครยังเป็นมือใหม่อยู่ กำลังมาเริ่มทำ ไม่แน่ใจว่า Facebook messenger ที่ผมพูดถึงนี้เป็นยังไง เราลองมาดูพร้อมๆ กันครับ จะได้เข้าใจไปด้วยกัน
หน้าตาของมันจะเป็นแบบนี้ครับ มันจะเป็นตัวที่เราใช้คุยกับลูกค้าในเพจครับหรือหลายๆ คนเรียกว่า “อินบ็อก” (ขออภัยถ้าผมสกดผิด 555)
คนที่ชอบสั่งซื้อของออนไลน์ผ่านเฟสบุ๊คจะเจอบ่อยเลยครับ เพราะว่าตอนเราถามราคา พ่อค้าแม่ค้ากลัวว่าคู่แข่งจะรู้ราคา เลยต้องเก็บเป็นความลับและบอกเราในอินบ็อกเอา (จริงๆ คู่แข่งถ้าอยากรู้จริงๆ อินบ็อกมาถามก็ได้อยู่ดีนะ)
ใน Facebook Messenger ตรงตัวตั้งค่าของมันก็มีให้กดเยอะเต็มไปหมด ผมเชื่อว่าหลายๆ คนเห็นแล้วถึงกับงงได้ครับ
แต่ไม่ต้องห่วงครับ มันไม่ได้ยากอย่างที่คิดครับ เพราะผมจะอธิบายเป็นตัวๆ ไปครับ รับรองว่าอ่านจบแล้ว เข้าใจเหมือนทำมานานครับ
Facebook Messenger มันมีประโยชน์จริงๆ เหรอ… จำเป็นไหม?
ผมขอตอบแบบกว้างๆ ก่อนเลยนะครับ ถ้าขายของผ่านเฟสบุ๊ค ยังไงก็ต้องใช้ Facebook Messenger ครับ เพราะว่าลูกค้าจะถนัดทักเข้ามาสั่งของซะมากกว่าการซื้อของไปเลยครับ
จะเห็นว่าลูกค้าจะชอบทักเข้ามาถามสินค้าก่อนจะซื้อครับ ผมบอกได้เลยว่า 100% เลยก็ว่าได้ครับ ถึงไม่ถามก็ต้องมาบอกที่อยู่อะไรกันอยู่ดีครับ
ไม่เหมือนกับขายใน Shopee กับ Lazada ที่เขามีข้อมูลหมดแล้ว ลูกค้าเห็นของก็ซื้อได้เลยไม่ต้องคุยอะไรกันเลย
เพราะฉะนั้น ถ้าหากจะขายของใน Facebook หรือ IG ก็แล้วแต่ ต้องใช้ Facebook Messenger ให้เป็นครับ (IG นี้ไม่ได้ใช้ใน Facebook Messenger นะครับ แต่ให้รู้เอาไว้ครับ)
คราวนี้เรามาคุยกันเรื่องต่อไปกันเลยครับว่าเราจะสามารถใช้ Facebook Messenger นี้เพื่อทำอะไรได้บ้าง ให้เกิดประโยชน์ได้ยังไง
Facebook Messenger ใช้ยังไงให้มันเกิดประโยชน์ได้บ้าง…
ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าการใช้ Facebook Messenger นี้มันไม่ได้มีแค่เอาไว้กดตอบลูกค้าอย่างเดียว เพราะผมเห็นช่วงหลังๆ Facebook พยายามพัฒนาตัวนี้ให้มันดีขึ้นมากเลยครับ
ตอนนี้ Facebook Messenger สามารถเรียกเก็บเงินได้แล้ว ถ้าใครเคยขายของใน Facebook จะรู้ครับว่าสามารถเรียกเก็บเงินและเชื่อมกับระบบของธนาคารกสิกรไทยเพื่อรับเงินได้เลย (แต่มีค่าบริการนะครับ ฮ่าๆ)
ประโยชน์ที่ 1: ใช้คุยกับลูกค้าได้ ไม่เหงา
อันนี้ใครๆ ก็น่าจะรู้กันอยู่แล้วเนอะครับ แต่ผมคิดว่าไม่เขียนไม่ได้ครับ เดี๋ยวหาว่าผมข้ามอะไรสำคัญๆ ไป 555+
จริงๆ ถ้าถามผมเลย ผมคิดว่าคุยกับลูกค้าใน Facebook Messenger ยังไม่ค่อยดีขนาดนั้นนะครับ เพราะว่าหลายๆ ที ผมเองมีคนทักมาถาม มันไม่เด้งแจ้งเตือนให้ครับ ทำให้บางทีเขาอาจจะคิดว่าผมหยิ่ง ไม่ตอบ จริงๆ มันไม่เด้งขึ้นให้ครับ
ถ้าจะเทียบกับ Line@ ผมคิดว่ายังเป็นรอง Line@ อยู่ครับ แต่ยังไงถ้าเราขายของใน Facebook มันจะเป็นไปได้ยากมากครับที่จะบังคับให้คนเด้งไปคุย Line กับเราแทน
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ชอบออกจาก Facebook ที่เขากำลังเล่นอยู่ครับ เพราะฉะนั้นเราเลยยังต้องใช้ Facebook Messenger อยู่ดีครับ
ในเมื่อเราไม่สามารถเลี่ยงมันได้ เราก็ใช้มันให้เก่งไปเลยแล้วกันนะครับ โอเคไหมครับ?
ประโยชน์ที่ 2: สามารถใช้กับ Chat Bot ได้
สำหรับพ่อค้าแม่ค้าทั่วไป ที่มียอดขายไม่มากนัก ผมคิดว่าคงอาจจะไม่ได้ใช้ Chat Bot เท่าไหร่ครับ เพราะว่า Chat Bot ส่วนใหญ่เขาจะใช้กับองค์กรที่มีขนาดใหญ่มากกว่าครับ
แต่ถ้าหลายๆ คนอยากจะเอามาปรับใช้ ผมว่ามันก็ไม่ได้มีปัญหาเลยนะครับ เช่น อยากจะเอามาช่วยตอบคำถามที่เจอซ้ำๆ ซากๆ บ่อยๆ (FAQ) ครับ
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเจอคำถาม “เก็บปลายทางไหม?” ก็จะสามารถให้ Chat Bot เป็นคนช่วยตอบให้ได้เลยครับ แล้วตอนนี้ Chat Bot มันไม่ได้มีราคาแพงครับ (เดือนละไม่เกิน 200 บาท)
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ผมได้ทัก Generali ไปถามเรื่องประกันสุขภาพครับ เจอเขาใช้ Chat Bot พอดี เลยคิดว่าเอามาให้เพื่อนๆ ดูกันครับ
ตอนที่ผมทักไป เขาก็จะมีคำพวกนี้ขึ้นมาให้ครับ แล้วจะมีตัวเลือกด้านล่างว่าผมอยากจะทำยังไงต่อ อยากจะคุยเรื่องอะไร อยากจะถามเรื่องอะไร
ผมคลิกไปว่า ผมอยากจะดูเรื่องประกันคุ้มครอง แล้วน้องเจน Chat Bot ของเราก็เลยเอาเบี้ยประกันและรายละเอียดคร่าวๆ มาให้ดูครับ
แล้วตอนสุดท้ายก็จะถามผมว่าอยากที่จะคุยกับน้องเจน Chat Bot ต่อ หรืออยากจะติดต่อเจ้าหน้าที่ดี ผมก็กดติดต่อเจ้าหน้าที่ครับ แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่มาคุยกับผมต่อครับ (จริงๆ ผมว่าน้องเจน Chat Bot คุยดีกว่าเจ้าหน้าที่นะ รู้สึกแบบนั้น)
ถ้าหลายๆ คนมองเห็นว่าสามารถเอาไปปรับใช้กับธุรกิจของตัวเองได้ ก็ลองไปทำดูนะครับ ส่วนตัวผมคิดว่ามันใช้ได้เกือบทุกธุรกิจครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรใหญ่ๆ ครับ
ประโยชน์ที่ 3: ใช้ตั้งคำทักทายอัตโนมัติได้
อันนี้อย่าคิดว่ามันเป็นเรื่องเล็กๆ นะครับ จริงๆ อย่างตอนที่เราเข้าไปในเพจหลายๆ เพจ แล้วเรากำลังดูๆ อยู่ เห็นว่ามีคำทักเด้งขึ้นมา นั่นแหละครับ เขาเรียกว่า “คำทักทายอัตโนมัติครับ
อย่างมีอยู่วันหนึ่ง ผมลองหายิมแถวๆ ที่ผมอยู่ดูว่ามียิมไหนน่าเข้าบ้าง อยู่ๆ เลื่อนๆ ดู มีเพจทักเข้ามาครับ
โดนใจเลย ผมเลือกที่นี้ไปลองดูว่าเป็นยังไง สุดท้ายแล้วชอบก็เป็นสมาชิกเลยครับผม เห็นไหมครับว่าอะไรเล็กๆ น้อยๆ มันก็ทำให้เราได้ลูกค้าเหมือนกันนะครับ
ไม่จำเป็นต้องเป็นอะไรใหญ่โตเสมอไปครับ เพียงแค่ปรับนิดเดียวเท่านั้นครับ เพราะฉะนั้นถ้าใครที่อยากจะใช้ Facebook Messenger สามารถปรับให้มันทักอัตโนมัติแบบนี้ได้ครับผม
ประโยชน์ที่ 4: สามารถยิงโฆษณาหาคนที่เคยทักมาได้…
ใช่ครับ หลายๆ คนอาจจะไม่รู้นะครับ แต่เราสามารถยิงโฆษณาไปหาคนที่เคยทักมาหาเราได้ครับ และค่าโฆษณาจะถูกกว่าเยอะมากๆ เลยครับ
ไม่ใช่อะไรหรอกครับ มันเป็นเพราะว่าคนพวกนี้รู้จักเราอยู่แล้ว เฟสบุ๊คอยากจะได้ตังเพื่อให้เรากลับไปคุยกับเขาอีกรอบเฉยๆ ครับ
ในภาษาที่ Facebook เรียก เขาเรียกว่า Sponsored Messenge ครับ
ตรงนี้ถ้าเรามีฐานข้อมูลของคนที่ทักเรามาเยอะอยู่แล้ว ตัวนี้จะเป็นผลดีมากครับถ้าเราอยากที่จะบอกคนพวกนั้นเกี่ยวกับโปรโมชั่นอะไรที่เรากำลังทำอยู่ครับ
ยกตัวอย่างเช่น วันนี้มีโปรที่กะจะใช้แค่วันเดียว แล้วอยากให้คนรู้ไวๆ แต่ถ้าไปทำโฆษณา คงไม่ดีเพราะว่ามันใช้เวลานานและคนส่วนใหญ่ไม่รู้จักสินค้าเรามาก่อน เราจะซื้อได้ยังไง
ตัดปัญหาเลยก็คือทำโฆษณาแบบ sponsored messenge เลยครับ มันจะเด้งเข้าไปใน inbox ของกลุ่มเป้าหมายของเราโดยตรงครับ ซึ่งตรงนี้จากประสบการณ์ของผม ผมเห็นว่ามีเปอร์เซ็นคนที่ซื้อเยอะกว่ายิงโฆษณาทั่วไปนะครับ
คำแนะนำส่วนตัวที่อยากจะเอามาแชร์ เกี่ยวกับการใช้ Facebook Messenger
หลักๆ แล้วใน Facebook Messenger เขาไม่ได้ทำลูกเล่นอะไรมาเยอะมากนะครับ เพราะเหตุผลหนึ่งที่ผมเข้าใจคือถึงทำไปคนก็ไม่ได้ใช้เยอะ เพราะคนส่วนมากก็ใช้ feature หลักๆ แล้วไม่กี่ตัวครับ
แต่เทคนิคของผมที่ผมใช้เป็นประจำก็จะมีอยู่ไม่กี่อย่างครับ บางอย่างไม่เรียกว่าเป็นเทคนิคด้วยซ้ำครับ เป็นคำแนะนำแล้วกันนะครับ
กดรับเงินทุกครั้งใน Messenger
หลายๆ คนปิดการขายส่วนใหญ่ใน Facebook ยังไม่ค่อยได้ทำตรงนี้นะครับ อาจจะเห็นว่าไม่สำคัญหรือยังไง อันนี้ผมก็ไม่ทราบครับ
แต่จริงๆ แล้ว ตัวนี้เราควรจะทำอยู่ตลอดครับ โดยเฉพาะในการทำโฆษณา เพราะว่ามันจะทำให้เฟสบุ๊คช่วยเก็บข้อมูลของคนที่ซื้อของจากเราได้ครับ
เฟสบุ๊คจะได้เข้าใจว่าคนที่ซื้อของจากเราเป็นคนประเภทไหน มีความชอบประมาณไหน มีการใช้ชีวิตยังไง เพจที่เขาไลค์เป็นยังไงบ้าง
ข้อมูลพวกนี้เราจะสามารถนำกลับเอามาใช้ในอนาคตได้หมดครับ โดยเฉพาะตอนที่เราเอาไปทำโฆษณาพวก lookalike audience ครับ ตรงนี้จะสำคัญครับ
ถึงแม้มีคนที่ทักเราในเฟสบุ๊คแล้วไปปิดการขายได้ใน Line ก็ควรจะไปกดรับเงินใน Facebook ไว้ด้วยนะครับ เหมือนเราทำประวัติเอาไว้ครับ
ต้องจะขอเบอร์ลูกค้าไว้ทุกครั้ง
ที่ขอนี้ไม่ได้เอาไปโทรจีบเขานะครับ ถ้าจะทำ ก็คุยกันเองดีๆ นะครับ 555 แต่เราต้องเข้าใจครับว่าการทำโฆษณาหลักๆ แล้ว มันคือการเก็บข้อมูลให้ได้มากที่สุดครับ
ข้อมูลพวกนี้เราจะสามารถเอามาใช้ในอนาคตได้หมดครับ อย่างเช่นถ้าวันอย่างหน้าอยากจะเอามาทำโฆษณา lookalike audience เหมือนที่พูดไปก่อนหน้านี้ เราก็สามารถเอาเบอร์อัพขึ้นไปใน ad manager ได้เลยครับ
เหตุผลที่เราต้องใช้เบอร์ไม่ใช่ email เพราะว่าสมัยนี้ส่วนใหญ่คนจะสมัครเฟสบุ๊คด้วยการใช้เบอร์มือถือกันครับ
ถ้าเราอยากจะให้เฟสบุ๊คทำ Lookalike audience ให้ เฟสบุ๊คต้องการที่จะได้ข้อมูลที่ตรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ
ถ้าเราเอา email ให้ไป บางทีเฟสบุ๊คไปจับไม่ได้ว่าบัญชีไหนใช้ email ตัวนี้ ถ้าเขาจับคู่ไม่ได้ เขาก็จะปล่อยไปเลยครับ ถือว่าเราเสียไป 1 จุดข้อมูลครับ
เพราะฉะนั้นเราเลยต้องมีข้อมูลที่ไว้ใจได้มากที่สุดเอาไปให้เฟสบุ๊คประมวลผลให้กับเราครับ ถ้าไม่อย่างนั้นมันก็จะยิงโฆษณาไปมั่วครับ
ถ้าบางคนที่ยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่อง Lookalike audience สามารถอ่านได้ในนี้นะครับ (paste link here) ผมจะอธิบายส่วนลึกของ Lookalike audience และวิธีการทำที่คุณสามารถเอาไปทำตามได้เลยครับ
ถ้าอธิบายง่ายๆ ก็คือ Lookalike audience คือกลุ่มเป้าหมายที่เฟสบุ๊คเอาข้อมูลที่เรามีอยู่แล้ว เอาไปเทียบกับคนที่คล้ายๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของความชอบ การใช้ชีวิต เพจที่ไลค์ ในเฟสบุ๊คอีกทีครับ
ผลลัพธ์ก็คือเราจะได้คนที่เหมือนๆ กับกลุ่มลูกค้าของเราอยู่แล้วครับ
อย่าพิมพ์ผิดๆ ถูกๆ กับลูกค้าใน Messenger
จริงๆ แล้วอาจจะดูเป็นเรื่องเล็กนะครับ แต่สำหรับผมแล้ว ผมคิดว่ามันมองเป็นเรื่องไม่ใส่ใจครับ
เข้าใจครับว่าอาจจะมีลูกค้าทักเข้ามาเยอะและตอบไม่ทันเลยต้องพิมพ์ถูกบ้างผิดบ้าง ซึ่งในโลกออนไลน์ เราไม่เห็นหน้ากันไงครับ เพราะฉะนั้นเราต้องทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเราเป็นมืออาชีพที่สุดครับ
บางทีผมเจอพ่อค้าปล่อยของลับใส่เลยครับ 555 เข้าใจว่าคงไม่ได้ตั้งใจครับ มืออาจจะไปโดนใส่ เช่นคำว่า “ควร” ถ้าพิมพ์ผิดอีกหน่อยก็น่าจะรู้นะครับว่ามันจะกลายเป็นคำว่าอะไร
ผมเองมีเพจอยู่ 7 เพจครับที่บริษัทผมทำขึ้นมาขายของครับ ทุกๆ ครั้งที่ผมจ้างแอดมินมาช่วยตอบ ผมจะกำชับเรื่องนี้อยู่ตลอดครับว่าต้องพิมพ์ให้ถูก อย่าให้ตกหล่นบ่อยๆ
ถ้าผิดบ้างเป็นบางครั้ง อันนี้เรื่องธรรมดาครับ เพราะเราเป็นมนุษย์ เราผิดได้อยู่แล้ว แต่ถ้าผิดบ่อยๆ มันแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ใส่ใจครับ อันนี้ทำงานกับผมไม่รอดครับ
อย่างว่าครับ ตัวนี้มันไม่ใช่เทคนิคอะไร มันเป็นคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ จากตัวผมมากกว่า
เพราะยังไงแล้วผมก็อยากจะให้เพื่อนๆ ขายดีๆ ครับ เพราะผมเองมาเขียนบทความแบบนี้ ก็ไม่ได้หวังจะได้อะไรอยู่แล้วครับ
ผมเขียนเพราะว่าอยากที่จะเอาความรู้มาแบ่งปันเสียมากกว่าครับ ค่าตอบแทนอะไรผมให้เป็น 0 อยู่แล้วครับ
แต่กำลังใจนี้ได้มาเพียบครับ เพราะหลายๆ คนที่เขาอ่านแล้ว เขาเอาไปทำตามและเขาขายดีขึ้นมาจริงๆ
ผมเห็นแล้วโคตรดีใจ ฮ่าๆ
ผมพร่ำมาซะเยอะเลยครับ เอาเป็นว่าในบทความนี้ผมขอสรุปไว้เท่านี้แล้วกันนะครับ เพราะว่ามันคงไม่มีอะไรมากไปกว่านี้แล้ว แต่ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม ผมจะอัพเดทเข้ามาในอนาคตครับ
วิธีการเขียนบทความของผมก็คือตามแรงบันดาลใจล้วนๆ เลยครับ ไม่ได้วางแผนมาหลายๆวันว่าต้องเขียนอะไรยังไง ถ้าตกหล่นตรงไหน ถามผมเพิ่มเติมได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจครับผม
สรุปเลยแล้วกันว่า Messenger ทำยังไงให้โดน
อย่างที่ผมบอกไปตอนต้นนะครับว่าใน Messenger เขาไม่ได้มีลูกเล่นอะไรมากมายมาให้เราครับ เพราะว่าคนส่วนใหญ่ใช้แค่ไม่กี่อย่างครับ
แต่ในความเรียบง่าย มันก็มีความซับซ้อนอยู่ครับ โดยเฉพาะตอนที่เราจะเอามาทำโฆษณาประกอบไปด้วย
เพราะมันต้องมีเรื่องของการเก็บข้อมูลเข้ามาเกี่ยวด้วย ทั้งๆที่ตอนแรกเป็นแค่การตอบลูกค้า
ดังนั้นถ้าอยากจะใช้ Messenger ให้ดี ควรที่จะเรียนรู้การเก็บข้อมูลจาก Messenger ครับ คำแนะนำของผมส่วนใหญ่จะเอียงๆ ไปที่การทำโฆษณาด้วยครับ เพราะว่ามันคือจุดแข็งของผม
ผมทำอะไรก็จะนึกถึงแต่ว่าเอามาเชื่อมกับการทำโฆษณาได้หรือเปล่า 5555 อันนี้ต้องขอให้ช่วยเข้าใจกันหน่อยนะครับ
ถ้าอ่านๆ ไปแล้วตรงไหนไม่เข้าใจ ผมเขียนไม่รู้เรื่อง ถามผมเพิ่มเติมได้เลยนะครับ ไม่ต้องเกรงใจครับ
ผมเขียนบทความนี้เพื่อจะช่วยเพื่อนๆ อยู่แล้วครับ แต่ถ้าบางทีผมตอบช้า แสดงว่าผมยุ่งมากครับ อาจจะต้องรอนิดหนึ่ง
เพราะว่าผมเองพยายามจะตอบทุกคำถามด้วยตัวผมเองครับ เพราะผมเป็นคนเขียนบทความ คงไม่มีใครเข้าใจเนื้อหาบทความได้เท่ากับผมเองครับ ผมเลยอยากจะตอบเอง
สำหรับตอนนี้ ขอให้ขายของเฮงๆ นะครับ
Joe Jitnarin
Latest posts by Joe Jitnarin ( see all )
- วิธีหาคีเวิร์ดทำโฆษณา Google Ad แบบจัดเต็ม! - May 17, 2020
- วิธีทำโฆษณาใน Gmail แบบง่ายๆ งบไม่เยอะ (Step-by-step) - May 16, 2020
- ใช้ Facebook Messenger ยังไงให้มันโดน (คำแนะนำส่วนตัว) - May 14, 2020
Leave a Comment